คำแถลงของ APPLE
26 กันยายน 2568
ผลกระทบของ Digital Markets Act ต่อผู้ใช้ใน EU
Apple ให้ความสำคัญกับการสร้างเทคโนโลยีที่เสริมศักยภาพให้ผู้คนและยกระดับการใช้ชีวิตเสมอมา เราออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ทั้งยังปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้ และนับตั้งแต่ที่เราเปิดให้บริการ App Store ในปี 2008 เรายังทำงานร่วมกับนักพัฒนาเพื่อสร้างมาร์เก็ตเพลสดิจิทัลที่มีชีวิตชีวา ปลอดภัย และประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ผู้ใช้หลายล้านคนในยุโรปเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Apple ด้วยความชื่นชอบและเชื่อมั่น ในขณะที่นักพัฒนาเลือกผลิตภัณฑ์ Apple เพื่อเข้าถึงผู้ใช้ทั่วโลกและสร้างธุรกิจที่เติบโต เรียกได้ว่านี่คือโมเดลที่ใช้ได้จริงทั้งในยุโรปและทั่วโลก
แต่ Digital Markets Act (DMA) กำลังบังคับให้เราต้องปรับเปลี่ยนบางอย่างที่น่ากังวลเกี่ยวกับวิธีการออกแบบและสร้างผลิตภัณฑ์ Apple สำหรับผู้ใช้ของเราในยุโรป
Digital Markets Act คืออะไร
Digital Markets Act คือกฎระเบียบที่สหภาพยุโรปจัดทำขึ้นในปี 2022 เพื่อเปลี่ยนแนวทางการออกแบบผลิตภัณฑ์ของบริษัทเทคโนโลยีบางราย และถึงแม้ว่า DMA จะมีกฎระเบียบมากมายหลายข้อ แต่การบังคับใช้กฎเหล่านั้นกับบริษัทแต่ละแห่งกลับแตกต่างกันมาก
สำหรับ Apple แล้ว DMA กำลังส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ที่ผู้ใช้ EU ของเราได้รับในหลายแง่มุม ตั้งแต่การดาวน์โหลดแอปและชำระเงินในแอป จนถึงการทำงานร่วมกันระหว่างผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Apple
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการออกกฎหมาย DMA ได้ขอความคิดเห็นเพิ่มเติมจากบริษัทหลายแห่งและพลเมืองใน EU เกี่ยวกับผลที่เกิดจากกฎดังกล่าว เราจึงอยากใช้โอกาสนี้ในการอัปเดตผู้ใช้ Apple ใน EU เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่ผู้ใช้เริ่มเห็น และสิ่งที่คาดว่าผู้ใช้น่าจะได้เห็นในอนาคต
ผลกระทบของ DMA ต่อผู้ใช้ Apple ใน EU
ความล่าช้าของคุณสมบัติต่างๆ
DMA กำหนดให้ Apple ต้องทำให้คุณสมบัติบางประเภทใช้งานได้กับผลิตภัณฑ์และแอปที่ไม่ใช่ของ Apple ก่อนจะเปิดให้ผู้ใช้ของเราใช้งานได้ แต่น่าเสียดายที่การจะทำเช่นนั้นต้องอาศัยการทำงานด้านวิศวกรรมที่ซับซ้อนเป็นอย่างมาก และเป็นสาเหตุที่เราต้องเลื่อนคุณสมบัติใหม่บางอย่างออกไปใน EU ดังนี้
- การแปลภาษาสด ด้วย AirPods ใช้ Apple Intelligence เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ Apple สามารถสื่อสารกันได้แม้จะพูดต่างภาษา ซึ่งการจะทำให้อุปกรณ์อื่นใช้งานคุณสมบัติที่สลับซับซ้อนเช่นนี้ได้เป็นปัญหายุ่งยากที่ต้องใช้เวลาในการแก้ไข ตัวอย่างเช่น เราออกแบบคุณสมบัติการแปลภาษาสดเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวให้กับการสนทนาของผู้ใช้ของเราโดยการประมวลผลการสนทนานั้นบนอุปกรณ์ซึ่งแม้แต่ Apple เองก็เข้าถึงไม่ได้ และทีมของเราก็มีงานด้านวิศวกรรมที่ต้องทำเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลการสนทนาจะไม่หลุดออกไปสู่บริษัทหรือนักพัฒนารายอื่น
- การสะท้อนหน้าจอ iPhone ช่วยให้ผู้ใช้ของเรามองเห็นและโต้ตอบกับ iPhone จาก Mac ของตนเองได้ จึงสามารถดูการแจ้งเตือนได้แบบไม่ขาดตอน หรือลากแล้ววางรูปภาพระหว่างอุปกรณ์ได้ และจนถึงปัจจุบัน ทีมงานของเรายังไม่พบวิธีที่ปลอดภัยในการทำให้อุปกรณ์อื่นที่ไม่ใช่ของ Apple ใช้คุณสมบัตินี้ได้โดยไม่ทำให้ข้อมูลบน iPhone ของผู้ใช้เสี่ยงต่อการรั่วไหล ด้วยเหตุนี้ คุณสมบัตินี้จึงยังไม่พร้อมใช้งานใน EU
- เรายังต้องเลื่อนการเปิดใช้งานคุณสมบัติที่มีประโยชน์อื่นๆ ออกไปด้วยอย่าง "ที่ที่เคยไป" และ "เส้นทางที่ต้องการ" บนแอปแผนที่ ซึ่งจัดเก็บข้อมูลบนอุปกรณ์ในแบบที่มีเพียงผู้ใช้ที่เข้าถึงได้ ซึ่งจนถึงตอนนี้ ทีมงานของเรายังไม่พบวิธีในการแชร์ความสามารถเหล่านี้กับนักพัฒนารายอื่นโดยไม่เปิดเผยตำแหน่งที่ตั้งของผู้ใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่เต็มใจที่จะทำ
เราได้เสนอแนะให้มีการปรับเปลี่ยนบางอย่างกับคุณสมบัติเหล่านี้ที่น่าจะช่วยปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ได้ แต่จนถึงปัจจุบันคณะกรรมาธิการยุโรปยังคงปฏิเสธข้อเสนอของเรา และหากอ้างอิงจากคณะกรรมาธิการยุโรปแล้ว การที่เราเปิดให้ผู้ใช้ Apple ใช้งานคุณสมบัติเหล่านี้ได้ก่อนที่เราจะทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทอื่นใช้งานคุณสมบัติดังกล่าวได้ด้วยถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย DMA หรือหากเราเปิดให้ใช้งานเร็วขึ้นกว่านี้ ก็อาจเสี่ยงต่อการถูกปรับหรือถึงขั้นถูกบังคับให้หยุดจัดส่งผลิตภัณฑ์ของเราใน EU
เราอยากให้ผู้ใช้ของเราในยุโรปได้เพลิดเพลินกับนวัตกรรมเดียวกันในเวลาเดียวกันกับทุกคน และเรากำลังต่อสู้เพื่อทำให้เรื่องนี้เป็นจริงได้ แม้จะมี DMA คอยถ่วงเราอยู่ก็ตาม แต่การมี DMA หมายความว่ารายการคุณสมบัติที่ต้องล่าช้าออกไปใน EU น่าจะยาวขึ้นเรื่อยๆ และประสบการณ์ที่ผู้ใช้ EU ของเราได้รับจากผลิตภัณฑ์ Apple มีแต่จะด้อยลงไปอีก
ประสบการณ์การใช้งานแอปที่เสี่ยงขึ้น และยุ่งยากขึ้น
เราจัดการดูแล App Store ให้เป็นมาร์เก็ตเพลสที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือมาโดยตลอดสำหรับผู้ใช้ของเรา และยังเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักพัฒนาด้วย แต่ DMA กำลังทำให้ผู้ใช้ EU ของเราได้รับผลกระทบดังต่อไปนี้
- มีความเสี่ยงมากขึ้นเมื่อดาวน์โหลดแอปและชำระเงิน: DMA กำหนดให้ Apple ต้องอนุญาตให้มีการการไซด์โหลด มีมาร์เก็ตเพลสอื่นสำหรับแอป และมีระบบการชำระเงินอื่นเป็นทางเลือก แม้ว่าทั้งหมดนั้นจะไม่ได้มาตรฐานระดับสูงในด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเหมือนอย่าง App Store เลยก็ตาม บนแพลตฟอร์มอุปกรณ์พกพาอื่นๆ ผู้ใช้ต่างพบเจอการหลอกลวงผ่านแอปธนาคารปลอม มัลแวร์ที่อำพรางตัวเป็นเกม และระบบการชำระเงินของบริษัทอื่นที่เรียกเก็บเงินเกินกว่าที่ควรเป็นโดยไม่มีวิธีในการขอเงินคืน และข้อกำหนดของ DMA ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้ผู้ใช้ EU ของเราตกอยู่ในความเสี่ยงเช่นเดียวกันนี้เพิ่มมากขึ้น
- ประสบการณ์การใช้งานแอปที่ยุ่งยากขึ้น แทนที่จะมีเพียงที่เดียวที่น่าเชื่อถือในการดาวน์โหลดแอป แต่วันนี้ผู้ใช้ EU ต้องเจอกับมาร์เก็ตเพลสหลายแห่ง โดยที่แต่ละแห่งต่างมีการออกแบบ กฎ และมาตรฐานการตรวจสอบเป็นของตัวเอง ซึ่งสำหรับแพลตฟอร์มอุปกรณ์พกพาอื่นๆ แล้ว ทุกอย่างที่กล่าวมานี้เป็นสาเหตุที่ทำให้แอปลอกเลียนแบบที่เป็นอันตรายเล็ดรอดออกไปได้เนื่องมาจากการตรวจสอบที่ไม่เข้มงวด ในขณะที่ผู้ใช้เองก็ไม่รู้ว่าจะต้องหันไปพึ่งใครเมื่อเกิดปัญหาในมาร์เก็ตเพลสเหล่านี้ มาวันนี้ผู้ใช้ Apple ใน EU มีแนวโน้มที่จะต้องเผชิญความเสี่ยงในลักษณะเดียวกัน อีกทั้งยังทำให้ผู้ใช้ EU ของเรารู้ได้ยากขึ้นด้วยว่าแอปนั้นมาจากที่ไหน ใครเป็นผู้รับผิดชอบ และมีแนวทางการปกป้องอย่างไรในกรณีที่เกิดปัญหา
- การพบเจอแอปอันตรายประเภทใหม่ๆ: แอปลามกอนาจารจากมาร์เก็ตเพลสอื่นสามารถเข้ามาอยู่บน iPhone ได้เป็นครั้งแรก เพราะเราไม่เคยอนุญาตให้มีแอปประเภทนี้บน App Store เนื่องจากเป็นแอปที่มีความเสี่ยงโดยเฉพาะกับเด็กๆ ซึ่งรวมถึงแอปลามกอนาจารอย่าง Hot Tub ที่ AltStore ประกาศไปเมื่อต้นปีนี้ และ DMA ยังทำให้แอปการพนันมาอยู่บน iPhone ในภูมิภาคที่กฎหมายอนุญาตด้วย
เราสร้าง App Store ให้เป็นศูนย์กลางที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ใช้ของเรา ที่ซึ่งทุกแอปผ่านการตรวจสอบ และนักพัฒนาทุกรายต้องปฏิบัติตามกฎเดียวกัน ในขณะที่ผู้ปกครองก็มีเครื่องมือสำหรับปกป้องบุตรหลาน วันนี้เรายังคงเดินหน้าต่อสู้เพื่อปกป้องประสบการณ์การใช้งานที่มีคุณภาพอย่างที่ผู้ใช้ของเราคาดหวัง แต่ DMA บังคับให้เราต้องเปลี่ยนแปลงโมเดลดังกล่าว จนทำให้เกิดความซับซ้อนและความเสี่ยงเพิ่งมากขึ้นสำหรับผู้ใช้ EU ของเรา
ภัยคุกคามใหม่ๆ ในด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
DMA ยังเปิดให้บริษัทอื่นขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลผู้ใช้และเทคโนโลยีที่เป็นแกนหลักของผลิตภัณฑ์ Apple ด้วย และ Apple ก็จำเป็นต้องให้สิทธิ์ดังกล่าวเกือบทุกครั้ง แม้ว่าจะทำให้ผู้ใช้ของเราต้องตกอยู่ในความเสี่ยงในระดับที่ร้ายแรงก็ตาม
จนถึงปัจจุบัน มีหลายบริษัทส่งคำขอเข้าถึงข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนมากบางส่วนบน iPhone ของผู้ใช้ ซึ่งกรณีที่น่ากังวลที่สุดมีดังต่อไปนี้
- เนื้อหาทั้งหมดในการแจ้งเตือนของผู้ใช้: ข้อมูลนี้ครอบคลุมเนื้อหาในข้อความของผู้ใช้ อีเมล การแจ้งเตือนทางการแพทย์ และการแจ้งเตือนอื่นใดที่ผู้ใช้ได้รับ ซึ่งถือเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่แม้แต่ Apple เองก็เข้าถึงไม่ได้ในปัจจุบันแก่บริษัทอื่น
- ประวัติเครือข่าย Wi-Fi ทั้งหมดที่ผู้ใช้เคยเชื่อมต่อ: ประวัติ Wi-Fi สามารถเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งและกิจกรรมของผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น บริษัทสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อติดตามว่าคุณเคยไปที่โรงพยาบาล โรงแรม คลินิกรักษาภาวะมีบุตรยาก หรืออาคารศาลบางแห่งหรือไม่
บริษัทขนาดใหญ่ยังคงส่งคำขอใหม่ๆ มาอย่างต่อเนื่องเพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้ EU ของเราต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นอีกมากจากการถูกติดตามและจับตามอง ทีมงานของเราได้อธิบายเกี่ยวกับความเสี่ยงเหล่านี้แก่คณะกรรมาธิการยุโรปแล้ว แต่จนถึงปัจจุบันทางคณะกรรมการฯ ยังไม่ได้ตอบรับให้มีการใช้ข้อกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเป็นเหตุผลในการปฏิเสธคำขอดังกล่าวได้
DMA กำลังบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่
หน่วยงานกำกับดูแลอ้างว่า DMA จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการแข่งขัน และทำให้ผู้บริโภคใน EU มีตัวเลือกมากขึ้น แต่กฎหมายดังกล่าวกลับทำไม่ได้อย่างที่สัญญาไว้ มิหนำซ้ำยังส่งผลในทางตรงข้ามอีกด้วยดังต่อไปนี้
- มีทางเลือกน้อยลง: เมื่อคุณสมบัติบางอย่างล่าช้าหรือใช้งานไม่ได้ ผู้ใช้ใน EU ไม่ได้มีทางเลือกเหมือนผู้ใช้ในประเทศอื่นๆ กล่าวคือผู้ใช้ใน EU ไม่สามารถเลือกใช้เทคโนโลยีล่าสุดของ Apple ได้ และทำให้อุปกรณ์ของพวกเขาล้าหลัง
- มีความแตกต่างกันน้อยลง: การที่ DMA บังคับให้ Apple สร้างคุณสมบัติและเทคโนโลยีสำหรับอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ของ Apple ส่งผลให้ตัวเลือกสำหรับผู้บริโภคในยุโรปมีความคล้ายคลึงกันมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับมาร์เก็ตเพลสสำหรับแอปกำลังทำให้ iOS ดูเหมือน Android มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้ตัวเลือกยิ่งลดลงไปอีก
- การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม: กฎของ DMA บังคับใช้เฉพาะกับ Apple เท่านั้น แม้ว่า Samsung จะเป็นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนในยุโรป และบริษัทจีนหลายแห่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ Apple ยังเป็นผู้นำในการสร้างระบบนิเวศที่แตกต่างไม่เหมือนใครและล้ำสมัย ซึ่งบริษัทอื่นต่างเลียนแบบ และส่งผลดีต่อผู้ใช้ทุกที่ แต่แทนที่จะได้รับการชื่นชมจากนวัตกรรมดังกล่าว DMA กลับเลือกปฏิบัติเฉพาะกับ Apple โดยปล่อยให้คู่แข่งรายอื่นของเราดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างอิสระเหมือนที่เคยทำมา
ภายใต้ DMA การตีความกฎหมายดังกล่าวของคณะกรรมาธิการยุโรปมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่บริษัทต่างๆ จะทราบว่าควรปฏิบัติตามอย่างไร
หากเกิดข้อขัดแย้งเกี่ยวกับข้อกำหนดของ DMA บริษัทจะต้องทำการปรับเปลี่ยนตามที่คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดไว้ก่อนที่เรื่องจะไปถึงชั้นศาล ซึ่งอาจใช้เวลานานหลายเดือนหรือหลายปี แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะทำอันตรายต่อผู้ใช้ในแบบที่ไม่สามารถแก้ไขกลับคืนได้ก็ตาม และบทลงโทษในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามยังเป็นไปตามดุลยพินิจโดยไม่ได้มีการกำหนดไว้อย่างแน่นอน อีกทั้งยังบังคับใช้อย่างไม่เท่าเทียมกัน และออกแบบมาเพื่อลงโทษบริษัท แทนที่จะส่งเสริมให้เกิดการแข่งขัน
เมื่อเวลาผ่านไปจึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่า DMA ไม่ได้ส่งผลดีต่อตลาดแต่อย่างใด แต่กลับทำให้การดำเนินธุรกิจในยุโรปยากขึ้นไปอีก
มุมมองของ Apple ต่อ DMA
Digital Markets Act มีการบังคับใช้มานานกว่า 1 ปีแล้ว และตลอดช่วงเวลาดังกล่าว DMA ส่งผลให้ผู้ใช้ Apple ใน EU ได้รับประสบการณ์ที่แย่ลงอย่างชัดเจน ผู้ใช้ต้องเผชิญกับความเสี่ยงรูปแบบใหม่และการใช้งานที่ติดขัด จากเดิมที่ผลิตภัณฑ์ Apple เคยทำงานร่วมกันได้อย่างเรียบง่ายและราบรื่น ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ออกมา ผลิตภัณฑ์ Apple ของผู้ใช้ในยุโรปก็จะล้าหลังยิ่งขึ้นไปอีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
DMA ไม่ได้ช่วยตลาดยุโรปแต่อย่างใด เพราะแทนที่จะมีการแข่งขันกันสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ แต่บริษัทที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้วกลับบิดเบือนกฎหมายดังกล่าวเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ทั้งการเก็บรวบรวมข้อมูลจากพลเมือง EU หรือการพยายามใช้เทคโนโลยีของ Apple แบบฟรีๆ
ถึงแม้เราจะมีความกังวลเกี่ยวกับ DMA แต่ทีมงานของเราทั่วทั้ง Apple ใช้เวลาหลายพันชั่วโมงในการนำคุณสมบัติใหม่ๆ มาสู่ผู้ใช้ในสหภาพยุโรปโดยยังคงปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายดังกล่าว แต่เรื่องหนึ่งที่ชัดเจนก็คือเราไม่สามารถแก้ทุกปัญหาที่เกิดจาก DMA ได้
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเหตุผลที่เราเรียกร้องให้หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลหันมาพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนยิ่งขึ้นว่ากฎหมายดังกล่าวกำลังส่งผลกระทบอย่างไรต่อพลเมือง EU ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Apple ในชีวิตประจำวัน เพราะเราเชื่อว่าผู้ใช้ของเราในยุโรปสมควรได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากเทคโนโลยีของ Apple ด้วยมาตรฐานระดับเดียวกันกับที่เรามีให้ผู้ใช้ทั่วโลก และเราจะต่อสู่ต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
แชร์บทความ
Media
-
เนื้อหาของบทความนี้